ช่องเขาขาด
- Details
- HFP
- Sample Data-Articles
สถานีที่ 6 ช่องเขาขาด
จุดที่เป็นที่รู้จักในชื่อช่องเขาขาดนี้มีความยาว 75 เมตรและในจุดที่สูงที่สุดมีความลึก 25 เมตร
บิล เฮสเกล “ถ้าคุณไปยังช่องเขาขาดและพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ที่นั่น และถ้าคุณเดินตลอดเส้นทาง 5 กิโลเมตร ไปจนถึงช่องอัดอากาศ คุณจะได้เห็นความโหดร้ายของการสร้างทางรถไฟที่ยังอยู่ที่นั่นและยังมีเขื่อนใหญ่อยู่ 2 แห่งด้วยกัน เขื่อนหนึ่งมีชื่อว่า เขื่อน 7 เมตร มันมีความยาว 400เมตรและสูง 24 ฟุต ทรายทั้งหมดที่ถูกใช้ต้องเก็บรวบรวมมาจากพื้นที่โดยรอบโดยใช้ตะกร้าและยังมีสะพานอีกแห่งหนึ่งที่มีความยาวเท่ากัน มันเป็นสะพาน 3 ชั้นที่ถูกสร้างจากไม้ซุงที่ตัดจากป่า”
ส่วนนี้ของทางรถไฟคือจุดที่อันตรายที่สุดจุดหนึ่งของทางรถไฟทั้งสาย คนงานจะถูกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม
แฟรง ไทเลอร์ “เราเริ่มทำงานที่ช่องเขาขาดเมื่อวัน ANZAC DAY พ.ศ. 2486 และเราก็ทำมันจนเสร็จมันเป็นหินแข็งทั้งหมด เราต้องระเบิดมันด้วยไดนาไมท์และขนเศษหินไปทิ้งที่ไหล่เขา เราอยู่ช่วงฤดูฝน ข้อดีอย่างเดียวของการทำงานบนหินก็คือ มันไม่มีโคลน จะมีโคลนก็ตอนเดินทางไปกลับค่ายเท่านั้น”
กลุ่มแรกทำหน้าที่แผ้วถางหน้าหินและต่อมาจะเป็นกลุ่มตอกสิ่วจะตามมา
เฮนรี่ เนสบิต “ช่องคอนยู นั่นคือกลุ่มของผมมันมีแต่พื้นหินแข็งและรางรถไฟ ก็จะต้องตัดผ่านมันด้วยสิ่งที่เราเรียกว่า ตอกสิ่ว เชลยคนหนึ่งจะถือสิ่วไว้ ส่วนอีกคนจะตอกด้วยค้อน จากนั้นพวกยุ่น คนหนึ่งก็จะเอาไดนาไมท์มาใส่ไว้ในรูที่เจาะ”
ขณะที่ทำการจุดระเบิด ทุกคนจะหลบเข้าที่กําบังเพื่อไม่ให้โดนสะเก็ดหินที่กระเด็นมา
คอร์ลิน แฮมรี่ “งานขุดเจาะหินทำให้เกิดแผลเปื่อยมากมายที่ขา โดยเกิดจากรอยแผลที่ได้จากก้อนหิน ซึ่งเกิดการติดเชื้อและเริ่มเน่าเปื่อย “
เมื่อเตรียมพื้นที่เสร็จแล้ว กลุ่มที่ 3 ซึ่งก็คือคนย้ายหินจะเดินเท้าเปล่าเข้ามาแบกเศษหินคมๆออกไป
เรย์ พาร์คคิน “ ผมอยู่โดยไม่มีรองเท้าใส่นานกว่า 150 วันต้องเดินเท้าเปล่าไปทั่ว”
งานนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้า จนช่องเขาขาดกลายสภาพเป็นคอขวด ผลก็คือวิศวกรญี่ปุ่น พยายามกดดันเชลยถึงขีดสุดบังคับให้กลุ่มเชลย ต้องทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน
นอร์แมน แอนเดอร์สัน “พวกญี่ปุ่นไม่รู้จักคำว่าเร่งมือหน่อย พวกเขารู้จักแต่คำว่า สปีดโด ซึ่งแปลว่าเร็วๆ และพวกเขาก็เอาแต่ร้องว่า สปีดโด สปีดโด สปีดโด อย่างบ้าคลั่งเพื่อให้เราทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ต่อวันที่ช่องเขาขาด”
แต่เหล่าเชลยก็ไม่เคยหมดอารมณ์ขัน และพวกเขาก็พิสูจน์ให้เห็นตามแบบฉบับของคนออสเตรเลียขนานแท้ ด้วยการตั้งชื่อเล่นต่างๆ นาๆ
จอร์น วู้ด “เรามีชื่อเรียกมากมายไว้ล้อเลียนพวกเขาโดยเฉพาะพวกเกาหลี และผู้คุมเกาหลีคนหนึ่ง ไม่ใช่คนเกาหลีด้วยซํ้า เขาเป็นชาวมองโกเลียตัวใหญ่เบิ้มเราเลยตั้งชื่อเล่นให้เขาว่าไอ้หัวโต”
คอร์ลิน แฮมรี่ “แน่แหละว่าเราเคยมีชื่อมากมายไว้ล้อเลียนพวกยุ่น ไอ้หน้าเด็ก ไอ้เบื๊อก ไอ้ปากเจ่อ และไอ้แมคเคน หมอนั่นเลวร้ายสุดๆไปเลย ดีริงเจอร์ยิงเป็ด หมอนี่ชอบเดินไปมาพลางสอดปืนไว้ใต้รักแร้เหมือนพรานล่าเป็ด ซึ่งตั้งชื่อตาม จอร์นนี่ ดีริงเจอร์ อาชญากรชาวอเมริกัน"
เฟรช สกิล “ยังมีคนอื่นๆด้วย มีคนหนึ่งที่เราเรียกว่าสตาลิน อีกคนชื่อ BBC ไอ้หน้าเด็กและไอ้เบื๊อกและยังชื่อเล่นเยอะแยะเลย”
ระหว่างทำงานกะดึก คบเพลิงไม้ไผ่และไฟที่มีควันคลุ้งจะช่วยให้แสงสว่าง หากคุณมองให้ดียังมีหลักฐานของผลงานที่เหล่าเชลยนี้ทิ้งไว้โดยไม่ตั้งใจ
สถานีที่ 7 คือปลายสว่านที่หักและคาอยู่ในหินตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486 และคาอยู่ในหินนับตั้งแต่นั้นมา