ต่ำลงไปทางซ้ายมือนี้เป็นที่ที่สะพานแพ็กออฟการ์ดหรือสะพานสำรับไพ่ชื่อเสียงดังตั้งเด่นอยู่สะพานนี้เป็นสะพานโครงค้ำสามชั้นที่พยายามจะเลี้ยวโค้งตามเส้นรอบวงของภูเขาสะพานนี้ยาว 400 เมตรและสูง 27

เมตรและถูกสร้างด้วยไม้อะไรก็ได้ที่หาได้จากป่าตั้งแต่ไม้สักเนื้อแข็งที่สุดไปจนถึงต้นนุ่นไม้เนื้ออ่อนที่สุดเพียงขอให้มันเป็นซุงที่มีความยาวพอเหมาะเท่านั้นไม่มีใครมีความมั่นใจเต็มร้อยเลยว่าจะสร้างสะพานขนาดใหญ่ให้โค้งตามพื้นที่ก่อสร้างได้อย่างไรแม้แต่วิศวกรชาวญี่ปุ่นก็ไม่ทราบวิธีสร้างคุณเรย์พาร์คินผู้เคยทำงานก่อสร้างในพื้นที่นี่เขียนเล่าว่าทหารญี่ปุ่นไม่มีความเข้าใจเรื่องสายระโยงเลยสำหรับพวกนี้แรงเครียดตึงของเชือกหรือลวดมีเท่าไหร่ไม่รู้จะรู้ก็เมื่อเชือกขาดแล้วเท่านั้นหลังจากอุบัติเหตุชนิดขนหัวลุกหลายครั้งทหารเรือในกลุ่มเราจึงอาสาเข้าแสดงวิธีทำให้วิศวกรญี่ปุ่นดูการทำเช่นนี้นอกจากเป็นการประหยัดเครื่องมือให้พวกญี่ปุ่นแล้วจะช่วยประหยัดชีวิตและแขนขาของพวกเราด้วย

คุณบิลแฮสเกลล์ผู้เคยทำงานสร้างสะพานนี้เล่าว่า

“ ผมทำงานกับส่วนที่เรียกว่าตลิ่งเจ็ดเมตร

                และนั่นเป็นการทารุณกรรมระดับบุคคลจริงๆเลยเชียว...

                คือพวกนั้นบังคับให้คุณบดทรายจากหินที่อยู่รอบๆพื้นที่เพื่อเอามาทำตลิ่ง

                เมื่อคุณบดทรายได้แล้วคุณต้องเก็บเม็ดทรายเข้ากระสอบ

                แล้วก็ยกไปไว้ในตะกร้าที่เขาเรียกกันว่าแท้งเกอร์ 

                ซึ่งก็คือกระสอบข้าวหิ้วได้ระหว่างท่อนไม้ไผ่สองท่อน

                และก็ตลอดเวลาที่ตลิ่งชันขึ้นเรื่อยๆ เรื่อย ๆคุณก็จะถูกเฆี่ยนจากผู้คุมแถวนั้น

                เพื่อเร่งให้คุณทำงานเร็วขึ้นหากฝนตกระหว่างที่คุณอยู่ที่ตลิ่งทางเดิน

                พื้นลาดชันก็จะลื่นและทำให้คุณหกล้มหกลุกหน้าคว่ำลงดินได้

                พวกเราเดินเท้าเปล่าพวกเราที่มาจากเกาะชวาล้วนไม่มีรองเท้า

                มันเป็นหน้าที่ที่ทรหดมากและก็จากที่นั่นเพื่อให้เชื่อมกับตลิ่งเจ็ดเมตรนั้น

                คุณต้องสร้างสะพานสามชั้นซึ่งหลายคนเรียกมันว่าสะพานสำรับไพ่

                ซึ่งน่าจะมีความสูงประมาณ 80 ถึง 90 ฟุตเห็นจะได้

                เป็นสะพานที่มีโครงสร้างสามชั้นค้ำยันตอนปลายด้านทิศเหนือของสะพานแห่งนี้

                ยังคงเหลือให้คุณมองเห็นค้ำยันสามชั้นได้อยู่

                สะพานนี้สร้างขึ้นมาด้วยไม้ที่ตัดได้จากป่าและก็ลากมาที่พื้นที่ก่อสร้างและก็ยกตั้งขึ้น

                งานนี้ควบคุมโดยนายสิบจอมโหด

                วิศวกรนายสิบที่ทุกคนเรียกกันว่าบิลลี่เดอะบาสตาดหรือบิลลี่ไอ้ลูกไม่มีพ่อ

                เพราะหากเขาอยู่บนสะพานและมีคนอื่นทำงานข้างล่าง

                เขาจะโยนเศษวัสดุลงให้โดนคนอื่นอย่างไร้เหตุผลใดๆทั้งสิ้น

                เพียงเพราะเขาอารมณ์ไม่ดีหรือไม่ได้อะไรดั่งใจในวันนั้นสำหรับพวกผมแล้ว

                เขาผู้นี้คือจอมมหาโหดตัวจริง

                อย่างไรก็ตามสะพานนี้ก็สร้างโดยเชลยจากค่ายหินตก

                ที่ซึ่งผมเคยอยู่และก็ต้องเดินผ่านไปมา

                พวกเราล้วนมีส่วนร่วมสร้างสะพานสำรับไพ่แห่งนี้

                สาเหตุใหญ่ที่สร้างจนสำเร็จก็เนื่องจากฤดูฝนกำลังจะเข้ามาถึง

                จึงมีการเร่งงานกันขึ้นทหารญี่ปุ่นไปเกณฑ์ชาวทมิฬมาจำนวนมากเลย

                ตอนนั้นเป็นช่วงกลางฤดูมรสุมฝนตกหนักมากทำให้เกิดกระแสน้ำพัด

                และก็แน่นอนล่ะฐานรากที่ถูกน้ำเซาะก็อาจล้มทะลายได้

มีการเล่ากันว่าสะพานนี้ล้มพังลงสามครั้งคร่าชีวิตเชลยสงครามไปหลายนายคุณเรย์พาร์คินเปรียบเทียบสะพานที่พังลงอย่างรวดเร็วเหมือนกับการล้มของไพ่ที่เรียงซ้อนกันเป็นรูปสามเหลี่ยมสูงขึ้นไปซึ่งแท้จริงแล้วสะพานนี้ได้ชื่อว่าสะพานสำรับไพ่ก็มีความเหมาะสมตามชื่อดีแล้วต่อไปนี้เราจะนำท่านกลับสู่คอนยูคัดติ้งหรือการขุดเจาะที่คอนยู

 

Go to top
JSN Dona 2 is designed by JoomlaShine.com | powered by JSN Sun Framework